Site icon EveryWhereTrip

อยากแทรคกิ้งแบบสนุกสนานเร้าใจที่ไหนดีที่สุดในโลก

แทรคกิ้ง

ในปัจจุบันผู้คนหันมานิยมท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิม โดยวิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกวิธีหนึ่งก็คือการแทรคกิ้งหรือการเดินป่านั่นเอง เพราะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติส่วนใหญ่นั้นมักจะมีเส้นทางที่ยากลำบากและไม่สามารถใช้ยานพาหนะเข้าไปได้ หากเราต้องการสัมผัสกับความสวยงามก็จำเป็นที่จะต้องเดินเท้าเข้าไปด้วยตนเองซึ่งต้องยอมรับว่ามีความยากลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากเช่นเดียวกันที่ชอบเดินทางด้วยเท้าเข้าไปตามสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ไปถึงได้ยาก เพราะระหว่างทางเราจะได้พบเจอกับสิ่งที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย จะมีเส้นทางไหนที่น่าสนใจและได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกกันบ้าง ตาม Everywheretrip ไปดูกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดเส้นทางแทรคกิ้งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลก

Inca Trail 

เป็นเส้นทางแทรคกิ้งในประเทศเปรูที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบอารยธรรมโบราณหรือโบราณสถาน เส้นทางไม่ได้โหดถึงขนาดนั้นเพราะมีระยะทางเพียงแค่ 33 กิโลเมตร เดินมุ่งหน้าตรงไปยังมาชูปิกชูซึ่งเป็นโบราณสถานของชาวอินคาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำหรับใครที่ชื่นชอบผจญภัยออกเดินทางสำรวจอารยธรรมมนุษย์โบราณจึงไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด จะเริ่มต้นที่หมู่บ้านโดยเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวและมีขึ้นลงเนื่องจากเป็นภูเขา มีการค้นพบเส้นทางดังกล่าวเมื่อปี 1911 ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ตอนนั้นบรรดาเหล่านักเดินทางทั้งหลายก็เดินทางมายังเส้นทางแห่งนี้เพื่อขึ้นไปชมอารยธรรมเมืองสาบสูญที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นาน แต่อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมาทางการได้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปยังสถานที่ดังกล่าวเพียงแค่วันละ 200 คน และใครที่ต้องการไปก็ต้องขอใบอนุญาตอีกด้วย ดังนั้นก่อนเดินทางเราจึงต้องเตรียมตัวให้ดี 

GR20 

เส้นทางสำหรับนักผจญภัยที่มีประสบการณ์และฝีมือในระดับหนึ่งเพราะต้องใช้เวลาในการเดินเท้ายาวนานถึง 15 วันเลยทีเดียว เกิดจากการที่ระยะทางของเส้นทางนี้รวมแล้วมีความยาวกว่า 168 กิโลเมตร เดินทางจากคอร์ซิกาซึ่งมีความหลากหลายของภูมิประเทศที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบน้ำแข็ง หลุมอุกกาบาต ป่าหินปูนที่เหมือนกับเราได้ไปอยู่บนดวงจันทร์ ยอดภูเขาหนาวเหน็บที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ แนวน้ำแข็ง รวมไปถึงที่ราบ เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างท้าทายและยากลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว เราจึงไม่แนะนำสักเท่าไหร่สำหรับนักเดินทางมือใหม่เนื่องจากบางจุดนั้นมีความสูงชันและเป็นหิน มีสะพานที่ไม่มั่นคง ใครที่ชื่นชอบความท้าทายเราขอแนะนำเลย 

Indian Himalayas 

เป็นเส้นทางผจญภัยที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศของเราสักเท่าไหร่นั่นก็คือในอินเดียนั่นเอง สำหรับใครที่ชื่นชอบความสงบ อยากออกเดินทางตามลำพังแบบไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เส้นทางนี้น่าจะตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังเป็นเส้นทางที่มีความท้าทายและมีความไกลเป็นอย่างมากหรือด้วย หากเดินเรียกตามยอดเขาจะต้องใช้เวลาในการเดินเท้ากว่า 24 วันเลยทีเดียว มันเป็นเส้นทางการค้าโบราณที่มีการใช้จริงในยุคสมัยก่อนบนภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยความอันตรายและความยากลำบาก นักเดินทางหลายคนถึงกับยกให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของพระเจ้าเลยทีเดียว เพราะมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้นั่นเอง

The Narrows 

เป็นอีกหนึ่งเส้นทางผจญภัยในสหรัฐอเมริกาที่เหมาะสำหรับมือใหม่เช่นเดียวกันเนื่องจากมีระยะทางเพียงแค่ 26 กิโลเมตรเท่านั้น เส้นทางดังกล่าวจะตัดผ่านหุบเขาที่ดูยิ่งใหญ่ตระการตา เป็นหุบเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำเลยจิ้มติดต่อกันมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษแล้วทำให้กลายเป็นเส้นทางน้ำไหลที่มนุษย์สามารถเดินทางเข้าไปสำรวจได้ แต่ประเด็นก็คือเส้นทางแห่งนี้บางช่วงเราต้องเดินเท้าในขณะที่บางช่วงก็ต้องว่ายน้ำเช่นเดียวกัน การเดินทางสามารถทำได้ภายใน 1 วันเท่านั้น หรือจะค้างคืนก็ได้เช่นเดียวกันเพราะระหว่างทางนั้นมีทั้งน้ำพุร้อนธรรมชาติและสวนลอยที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังจากเดินทางมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน

Everest Base Camp เส้นทางแทรคกิ้งที่หลายคนอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง 

เส้นทางแทรคกิ้งที่เชื่อว่านักผจญภัยทุกคนอยากจะลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นภูเขาเอเวอร์เรสที่ตั้งอยู่ในประเทศเนปาลหรือที่รู้จักกันในชื่อเส้นทาง Everest Base Camp นั่นเอง เส้นทางดังกล่าวนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ประสบการณ์และความสามารถในการเดินป่าระดับสูงเนื่องจากมีความอันตรายเป็นอย่างมาก ด้วยความ 8,848เมตรเหนือระดับน้ำทะเลทำให้ใครที่ไปพิชิตได้สำเร็จก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าได้ยืนอยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดบนโลกใบนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเส้นทางดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2-3 สัปดาห์เลยทีเดียว เราขอแนะนำว่าหากเป็นมือใหม่ไม่ควรไปโดยเด็ดขาด เพราะว่ามีนักเดินทางจำนวนมากที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับภูเขาลูกนี้มาแล้วนักต่อนัก และไม่แน่ว่าระหว่างทางที่กำลังเดินไปนั้นเราอาจจะพบเจอกับร่างของผู้เสียชีวิตที่ไม่มีการเก็บกู้ก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นภูเขาสูงดังนั้นการเก็บกู้ร่างจึงเต็มไปด้วยความยากลำบากและคนส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจที่จะทิ้งร่างของพวกเขาเอาไว้ตรงไหน 

Exit mobile version