ทราบหรือไม่ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นที่มีสถานที่แห่งหนึ่งถูกขนานนามว่าเป็นป่าฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วป่าดังกล่าวนั้นเป็นเส้นทางการเดินป่าที่สวยงามแถมยังอยู่บริเวณใต้ภูเขาฟูจิซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ถึงขั้นที่ว่ามีโอกาสสูงเป็นอย่างมากที่นักท่องเที่ยวเดินป่าอาจจะได้พบเจอกับร่างไร้วิญญาณของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาจบชีวิตของตนเองภายในป่าแห่งนี้กันเลยทีเดียว ป่าดังกล่าวไม่ได้เป็นท้องทะเลแห่งผืนป่าที่เต็มไปด้วยความสวยงามเพียงอย่างเดียวอีกแล้วในยุคนี้ และความจริงแล้วมันก็ไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนแต่อย่างใด วันนี้ Everywheretrip จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับป่าแห่งนี้ให้มากขึ้นกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่
ป่าฆ่าตัวตาย สถานที่ท่องเที่ยวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีเส้นทางเดินป่ามากมาย และหนึ่งในเส้นทางที่ดีที่สุดในประเทศก็คือป่าฆ่าตัวตายที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นเอง ป่าดังกล่าวมีชื่อว่าอาโอกิงาฮาระ เป็นผืนป่าที่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณเชิงเขาฟูจิฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจำนวนกว่า 30 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว เป็นป่าที่มีความสวยงามและอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แต่ว่าตำนานความเป็นมาของผืนป่าแห่งนี้กลับไม่ได้สวยงามเหมือนกับธรรมชาติแต่อย่างใด ย้อนกลับไปในอดีตยุคที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับปัญหาข้าวยากหมากแพง สมัยที่ยังไม่ได้เป็นอารยธรรมโลกปัจจุบัน ผู้คนนิยมนำเอาผู้ที่มองเห็นว่าเป็นภาระอย่างเช่นผู้สูงอายุ เด็ก คนป่วย หรือผู้พิการมาทิ้งในป่าดังกล่าวให้หลงป่าและขาดสารอาหารตายด้วยตัวเองในที่สุด
พอมาถึงในยุคปัจจุบันทุกอย่างก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด ด้วยความตึงเครียดในสภาพสังคมญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วง อาโอกิงาฮาระจึงกลายเป็นสถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นเลือกจะมาจบชีวิตตนเองมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศ ถึงขั้นที่มีการกล่าวขานว่ามีสิ่งลี้ลับบางอย่างดึงดูดให้คนที่ต้องการจะจบชีวิตตนเองตัดสินใจเดินทางมายังป่าแห่งนี้กันเลยทีเดียว ทำให้ป่าแห่งนี้เป็นอันดับ 2 ของโลกที่มีคนเลือกมาปลิดชีวิตมากที่สุดเป็นรองเพียงแค่สะพานโกลเดนเกต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ป่าดังกล่าวนั้นมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากเพราะอยู่ใกล้กับภูเขาไฟที่ดินนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหินชั้น LAVA ที่ครั้งหนึ่งในยุคโบราณเคยถูกพ่นออกมาจากปล่องภูเขาไฟ รูพรุนของหินลาวานั้นสามารถดูดซับเสียงได้เป็นอย่างดี ทำให้เส้นทางเดินป่าอย่างอาโอกิงาฮาระนั้นจึงมีความเงียบสงบ บรรยากาศก็เย็นสบาย บริเวณพื้นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเขียว ซึ่งหากจะมองในเชิงธรรมชาติมันก็ดูสวยงาม แต่หากมองในเชิงสยองขวัญมันก็ดูน่ากลัวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังผูกโยงอาโอกิงาฮาระเข้ากับตำนานสิ่งลี้ลับมากมาย และสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือผืนป่าแห่งนี้มีสัตว์ดุร้ายอย่างหมีดำอาศัยอยู่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบางแห่งภายในผืนป่าที่ทำให้โทรศัพท์มือถือ เข็มทิศ หรือแม้แต่สัญญาณ GPS ไม่สามารถใช้งานได้ด้วยคุณสมบัติของแม่เหล็กธรรมชาติ การเดินป่าจึงต้องอาศัยความชำนาญและความระมัดระวังเป็นอย่างดี นอกจากด้านบนจะเต็มไปด้วยความสวยงามผสมผสานกับความลึกลับแล้ว ด้านใต้พื้นดินของป่าอาโอกิกาฮาระแห่งนี้ยังมีโถงถ้ำมากมาย มีโถงถ้ำแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยใช้ชื่อว่าถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ ข้างในนั้นจะมี 2 น้ำแข็งที่มีความสูงร่วม 30 เมตร จุดต่ำสุดต้องเดินลงไปถึง 21 เมตรเลยทีเดียว
ถึงจะมาเยี่ยมชมในช่วงฤดูหนาวก็ยังคงต้องพกเสื้อกันหนาวเข้าไปอยู่ดีเพราะอากาศข้างในนั้นหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมในฐานะของสถานที่ปลิดชีวิตตนเองมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ดี ทางการจึงต้องมีการติดป้ายเตือนใจให้ผู้ที่จะเข้ามาจบชีวิตตนเองนั้นได้เห็นถึงความสำคัญของชีวิตและคุณค่าของการได้เติบโตขึ้นมา มีการจัดทีมลาดตระเวนสอดส่องเหตุการณ์ภายในป่า ซึ่งเคยมีกรณีที่สามารถช่วยชีวิตคนที่ต้องการจะจบชีวิตตัวเองได้สำเร็จอีกด้วย
รวมเรื่องเล่าจริงที่น่าสนใจของอาโอกิงาฮาระ ป่าฆ่าตัวตาย
ป่าฆ่าตัวตายหรืออาโอกิงาฮาระนั้นมีความสยองขวัญด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไปปรากฏอยู่ในสื่อบันเทิงแนวสยองขวัญของญี่ปุ่นอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น SUICIDE FOREST VILLAGE ที่อ้างอิงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้ เล่าถึงเรื่องราวของเพื่อนรักทั้งหมด 5 คนที่พบเจอกับกล่องไม้ประหลาดและหลังจากนั้นคนใกล้ตัวของพวกเขาก็เริ่มตายไปทีละคน พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางมายังป่าอาโอกิงาฮาระเพื่อค้นหาความจริงให้สำเร็จ สำหรับใครที่อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวยังป่าดังกล่าวนั้นปัจจุบันค่อนข้างสะดวกสบายแล้วเนื่องจากมีรถไฟสาย CHUO LINE ที่เดินทางมายังทากาโอะได้ หลังจากเดินทางมาถึงโอซากิแล้วก็เปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย FUJI KYUKO LINE ตรงมาจนถึงสถานีคาวากุจิโกะ จากนั้นก็เดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 30 นาทีก็จะมาถึงเส้นทางเดินป่าแห่งนี้แล้ว